วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อะไรเอ่ย..21 รูป 32 เสียง ?

สระ
     หมายถึง เครื่องหมายใช้แทนเสียงที่เปล่งออกมา ตามหลักภาษา ถือว่าพยัญชนะจำเป็นต้องอาศัยสระจึงจะออกเสียงได้

 รูปสระ 
     รูปสระในภาษาไทยมี 21 รูป ซึ่งรูปสระเหล่านี้จะนำไปประกอบเป็นรูปสระที่ใช้แทนเสียงสระ

1. ะ เรียกว่า วิสรรชนีย์ หรือ นมนางทั้งคู่
2.   ั เรียกว่า ไม้หันอากาศ, หางกังหัน หรือ ไม้ผัด
3.   ็ เรียกว่า ไม้ไต่คู้ หรือ ไม้ตายคู้
4. า เรียกว่า ลากข้าง
5.   ิ เรียกว่า พินทุ์อิ หรือ พินทุอิ
6.   ่ เรียกว่า ฝนทอง
7.   ํ เรียกว่า นิคหิต, นฤคหิต หรือ หยาดน้ำค้าง
8. " เรียกว่า ฟันหนู หรือ มูสิกทันต์
9.   ุ เรียกว่า ตีนเหยียด หรือ ลากตีน
10.   ู เรียกว่า ตีนคู้
11. เ เรียกว่า ไม้หน้า
12. ใ เรียกว่า ไม้ม้วน
13. ไ เรียกว่า ไม้มลาย
14. โ เรียกว่า ไม้โอ
15. อ เรียกว่า ตัวออ
16. ย เรียกว่า ตัวยอ
17. ว เรียกว่า ตัววอ
18. ฤ เรียกว่า ตัวรึ
19. ฤๅ เรียกว่า ตัวรือ
20. ฦ เรียกว่า ตัวลึ (ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว)
21. ฦๅ เรียกว่า ตัวลือ (ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว)

เสียงสระ
     สระ 21 รูปสามารถเข้ามาประกอบกันเป็นเสียงสระได้ 32 เสียง โดยสะกดด้วยรูปสระพื้นฐานหนึ่งตัวหรือหลายตัวร่วมกัน ดังนี้
     เมื่อเวลาออกเสียงสระ เช่น อะ อา เอะ เอ เอียะ เอีย จะออกเสียงแตกต่างกัน บางตัวออกเสียงสั้น บางตัวออกเสียงยาว จึงแบ่งสระตามอัตราเสียงเป็น 2 จำพวก ได้แก่

สระเสียงสั้น หรือ รัสสระ ได้แก่ สระที่ออกเสียงสั้น คือ อะ อิ อึ อุ เอะ แอะ โอะ เอาะ เออะ เอียะ เอือะ อัวะ ฤ ฦ อำ ไอ ใอ เอา
สระเสียงยาว หรือ ทีฆสระ ได้แก่ สระที่ออกเสียงยาว คือ อา อี อื อู เอ แอ โอ ออ เออ เอีย เอือ อัว ฤๅ ฦๅ

     เสียงสระในภาษาไทยแบ่งตามฐานการออกเสียงออกเป็น 3 ชนิด คือ สระเดี่ยว สระประสม และสระเกิน ดังนี้
สระเดี่ยว หรือ สระแท้ คือ สระที่เกิดจากฐานเสียงเพียงฐานเดียว เปล่งเสียงออกมาเป็นเสียงเดียว ไม่มีเสียงอื่นประสม มีทั้งสิ้น 18 เสียง ได้แก่ อะ อา อิ อี อึ อื อุ อู เอะ เอ แอะ แอ เออะ เออ โอะ โอ เอาะ ออ
สระประสม หรือ สระเลื่อน คือ สระที่เกิดจากสระเดี่ยวสองเสียงมาประสมกัน เกิดการเลื่อนของลิ้นในระดับสูงลดลงสู่ระดับต่ำ มี 6 เสียงดังนี้
> เอียะ ประสมจากเสียงสระ อี กับ อะ 
> เอีย ประสมจากเสียงสระ อี กับ อา 
> เอือะ ประสมจากเสียงสระ อือ กับ อะ 
> เอือ ประสมจากเสียงสระ อือ กับ อา 
> อัวะ ประสมจากเสียงสระ อู กับ อะ 
> อัว ประสมจากเสียงสระ อู กับ อา 
สระเกิน คือ สระที่มีเสียงซ้ำกับสระเดี่ยว ต่างกันก็แต่ว่าสระเกินจะมีเสียงพยัญชนะประสมหรือสะกดอยู่ด้วย มี 8 เสียง ได้แก่
  • อำ ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ม สะกด (อัม) เช่น ขำ บางครั้งออกเสียงยาว (อาม) เช่น น้ำ 
  • ใอ ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ย สะกด (อัย) เช่น ใจ บางครั้งออกเสียงยาว (อาย) เช่น ใต้ 
  • ไอ ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ย สะกด (อัย) เช่น ไหม้ บางครั้งออกเสียงยาว (อาย) เช่น ไม้ 
  • เอา ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ว สะกด (เอา) เช่น เกา บางครั้งออกเสียงยาว (อาว) เช่น เก้า 
  • ฤ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ร และสระ อึ (รึ) เช่น ฤกษ์ บางครั้งเปลี่ยนเสียงเป็น ริ เช่น กฤษณะ หรือ เรอ เช่นฤกษ์ 
  • ฤๅ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ร และสระ อือ (รือ) 
  • ฦ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ล และสระ อึ (ลึ) 
  • ฦๅ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ล และสระ อือ (ลือ)
     บางตำราถือว่าภาษาไทยมี 21 เสียง ทั้งนี้ คือไม่รวมสระเกินทั้ง 8 เสียง เนื่องจากถือว่าเป็นพยางค์ ซึ่งมีหน่วยเสียงในตัวเองโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว และไม่รวมสระประสมเสียงสั้นทั้ง 3 เสียง คือ เอียะ เอือะ อัวะ เนื่องจากมีที่ใช้ในภาษาไทยน้อยมาก และส่วนใหญ่จะเป็นคำเลียนเสียงซึ่งไม่ได้ใช้สื่อความหมายอื่น เช่น เพียะ เปรี๊ยะ ผัวะ เป็นต้น

การใช้สระ
     สระต่าง ๆ เมื่อประสมกับพยัญชนะต้น จะอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ได้แก่
  • ไม่ปรากฏรูปสระ ได้แก่ สระโอะเมื่อมีตัวสะกด (โ–ะ) เช่น คน รก จง 
  • ข้างหน้าพยัญชนต้น ได้แก่ สระเอ (เ-) สระแอ (แ-) สระโอ (โ-) สระใอ (ใ-) และสระไอ (ไ-) เช่น เก เซ เข แล แพ แก โต โพ โท ใกล้ ใคร ใหญ่ ไป ไซ ไส 
  • ข้างหลังพยัญชนะต้น ได้แก่ สระอะ (-ะ) สระอา (-า) สระออ (-อ) และ ร หัน (-รร) เช่น กะ จะ ปะ มา กา ตา ขอ รอ พอ 
  • ข้างบนพยัญชนะต้น ได้แก่ สระอือเมื่อมีตัวสะกด (-ื) สระอิ (-ิ) สระอี (-ี) สระอึ (-ึ) และไม้หันอากาศ (–ั) เช่น บิ สิ มิ ปี ดี มี หึ สึ หัน กัน ปัน 
  • ข้างล่างพยัญชนะต้น ได้แก่ สระอุ (-ุ) และสระอู (-ู) เช่น ผุ มุ ยุ ดู รู งู 
  • ข้างหน้าและข้างหลังพยัญชนะต้น ได้แก่ สระเอะ (เ-ะ) สระแอะ (แ-ะ) สระโอะ (โ-ะ) สระเอาะ (เ-าะ) สระเออะ (เ-อะ) สระเออ (เ-อ) และสระเอา (เ-า) เช่น เละ เตะ เกะ และ แพะ แกะ โปะ โละ เลอะ เถอะ เจอะ เจอ เธอ เรอ เกา เผา เรา 
  • ข้างหน้าและข้างบนพยัญชนะต้น ได้แก่ สระเอะเมื่อมีตัวสะกด (เ–็) สระแอะเมื่อมีตัวสะกด (แ–็) สระเออะและสระเออเมื่อมีตัวสะกด (เ–ิ) 
  • ข้างบนและข้างหลังพยัญชนะต้น ได้แก่ สระอืเมื่อไม่มีตัวสะกด (-ือ) สระอัวะ (-ัวะ) สระอัว (-ัว) สระอำ (-ำ) สระเอา (เ-า) และสระเอาะเมื่อมีตัวสะกด (–็อ) เช่น มือ ถือ ลือ ผัวะ ยัวะ ตัว รัว หัว รำ ทำ จำ 
  • ข้างหน้า ข้างบน และข้างหลังพยัญชนะต้น ได้แก่ สระเอียะ (เ-ียะ) สระเอีย (เ-ีย) สระเอือะ (เ-ือะ) และสระเอือ (เ-ือ) เช่น เผียะ เพียะ เกียะ เสีย เลีย เปีย เสือ เรือ เจือ
การเปลี่ยนรูปสระ
     สระเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของการประสมอักษร ซึ่งมีวิธีการใช้แตกต่างกัน ดังนี้
  1. สระคงรูป คือการเขียนสระตามรูปเดิมเมื่อประสมอักษร เช่น กะ เตะ โปะ เคาะ กอ กำ หัว เป็นต้น สระ -ะ, เ-ะ, โ-ะ … ในคำที่ยกมาไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปเมื่อประสมอักษร 
  2. สระเปลี่ยนรูป คือ สระที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปเมื่อประสมอักษร เช่น กับ ( ก + ะ + บ) เจ็บ (จ + เ-ะ + บ) เกิน (ก + เ-อ + น ) เป็นต้น 
  3. สระลดรูป คือ สระที่เขียนลดรูปเมื่อประสมอักษร เช่น งก (ง + โ-ะ + ก)
     สระบางรูปเมื่อมีพยัญชนะสะกดจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระ

-----------------------------------------------



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น